พระพุทธศักดิ์สิทธิ์ วัดโพรงจระเข้
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
สืบทอดพระพุทธศาสนา
นำทางสู่การพ้นทุกข์

ขุททกนิกายภาค ๑
เอกนิบาต
๑๔. อสัมปทานวรรค
โคธชาดก
ว่าด้วยฤาษีหลอกกินเหี้ย

      พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุผู้หลอกลวงรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.

      เรื่องปัจจุบัน เช่นเดียวกับที่กล่าวมาแล้วในหนหลังนั่นแล.

      ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน พระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ถือปฏิสนธิในกำเนิดเหี้ย ครั้งนั้น ดาบสรูปหนึ่ง ได้อภิญญา ๕ มีตบะกล้า อาศัยปัจจันตคาม ตำบลหนึ่งอยู่ ณ บรรณศาลาชายป่า พวกชาวบ้านช่วยกันบำรุงพระดาบสด้วยความเคารพ พระโพธิสัตว์ ก็ได้อยู่ในจอมปลวกแห่งหนึ่ง ณ ปลายที่จงกรมของท่าน และก็เมื่ออยู่ที่นั้นก็ได้ไปหา พระดาบสวันละ๓ ครั้งทุก ๆ วัน ฟังคำอันประกอบด้วยเหตุ ประกอบด้วยผลแล้ว ไหว้พระดาบสแล้วกลับไปสู่ที่อยู่ของตน ต่อมาพระดาบสก็อำลาพวกชาวบ้านหลีกไป ครั้น

      เมื่อพระดาบส ผู้สมบูรณ์ด้วยศีลและวัตรนั้นหลีกไปแล้ว ก็มีดาบสโกงผู้หนึ่งมาพำนักอยู่ในอาศรมบทนั้น พระโพธิสัตว์คิดว่า ท่านผู้นี้ก็คงเป็นผู้มีศีลเช่นกัน จึงได้ไปสู่สำนักของเขาเช่นสมัยก่อนนั่นแหละ อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อเมฆตั้งขึ้นในเวลาผิดฤดู ยังฝนให้ตกลงมาในฤดูแล้ง ฝูงแมลงเม่าพากันออกจากจอมปลวกทั้งหลาย ฝูงเหี้ยก็พากันออกเที่ยวหากินแมลงเม่าเหล่านั้น พวกชาวบ้านก็พากันออกจับเหี้ย ที่กินแมลงเม่าได้เป็นอันมาก แล้วจัดทำเป็นเนื้อส้ม ปรุงด้วยเครื่องปรุงอันอร่อยเอามาถวายพระดาบส ดาบสฉันเนื้อส้มแล้ว ติดใจในรส จึงถามว่า "เนื้อนี้อร่อยยิ่งนัก เนื้อนั้นเป็นเนื้อของสัตว์ประเภทไหน" ครั้นได้ยินเขาบอกว่าเนื้อเหี้ย ก็ดำริว่า "เหี้ยตัวใหญ่มาในสำนักของเรา จักฆ่ามันกินเนื้อเสีย" แล้วให้คนขนภาชนะสำหรับต้มแกง และวัตถุมีเนยใสและเกลือเป็นต้น วางไว้ข้างหนึ่ง แล้วถือไม้ค้อนซ่อนไว้คลุมด้วยผ้าห่ม คอยการมาของพระโพธิสัตว์อยู่ที่ประตูบรรณศาลา นั่งวางท่าทำเป็นเหมือนสงบเสงี่ยม.

      ในเวลาเย็น พระโพธิสัตว์คิดว่า เราจักไปหาดาบส แล้วออกเดินไปขณะที่กำลังเข้าไปใกล้นั่นเอง ได้เห็นข้อผิดแผกแห่งอินทรีย์ของเขา จึงคิดว่า ดาบสนี้มิได้นั่งด้วยท่าทางที่เคยนั่งเหมือนในวันอื่น ๆ แม้จะมองดูเราในวันนี้เล่า ก็ชำเลืองมีนัยเป็นที่เคลือบแฝง เราต้องคอยจับตาดูให้ดี ดังนี้ พระโพธิสัตว์จึงไปยืนใต้ทิศทางลมของดาบส ได้กลิ่นเนื้อเหี้ย จึงคิดว่า วันนี้ ดาบสโกงนี้คงฉันเนื้อเหี้ยและติดใจในรสแล้ว คราวนี้มุ่งจะตีเราที่เข้าไปหาด้วยไม้ค้อน แล้วเอาเนื้อไปต้มแกงกินเป็นแน่ ก็ไม่ยอมเข้าไปใกล้เขา วิ่งถอยกลับไป ดาบสรู้ความที่พระโพธิสัตว์ไม่ยอมมา ก็คิดว่า เหี้ยตัวนี้คงจะรู้ตัวว่าเรามุ่งจะฆ่ามัน ด้วยเหตุนั้น จึงไม่เข้ามา แม้ถึงมันจะไม่เข้ามา มันก็จะไม่พ้นมือไปได้ แล้วจึงเอาไม้ค้อนออกขว้างไป ไม้ค้อนนั้นกระทบเพียงปลายหางของพระโพธิสัตว์เท่านั้น พระโพธิสัตว์เข้าจอมปลวกไปโดยเร็ว โผล่ศีรษะออกมาทางช่องอื่น กล่าวว่า "เหวยชฏิลเจ้าเล่ห์ เมื่อเราเข้าไปหาเจ้า ก็เข้าไปหาเพราะคิดว่าเป็นผู้มีศีล แต่เดี๋ยวนี้เรารู้ความเจ้าเล่ห์ของเจ้าเสียแล้ว มหาโจรอย่างเจ้าบวชไปทำไมกัน"

      พระโพธิสัตว์คุกคามดาบสเจ้าเล่ห์อย่างนี้แล้ว ก็เข้าสู่จอมปลวก แม้ดาบสเจ้าเล่ห์ก็หลบไปจากที่นั้น.

      พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า

      ดาบสโกงในครั้งนั้น ได้มาเป็นภิกษุหลอกลวงนี้

      ดาบสผู้มีศีลองค์นั้นได้มาเป็นพระสารีบุตร

      ส่วนโคธบัณฑิตได้มาเป็น เราตถาคตฉะนี้แล.

จบ โคธชาดก

อรรถกถาชาดกพระเจ้า 547 พระชาติ

เชิญร่วมบุญ