ขุททกนิกายภาค ๑
เอกนิบาต
๔.กุลาวกวรรค
สกุณชาดก
ว่าด้วยที่พึ่งให้โทษ
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุผู้ถูกไฟไหม้บรรณศาลา จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ดังนี้.
ได้ยินว่า ภิกษุนั้นเรียนพระกรรมฐานในสำนักของพระศาสดา แล้วออกจากพระเชตวันวิหารเข้าไปอาศัยปัจจันตคามแห่งหนึ่งในโกศลชนบท อยู่ในเสนาสนะป่าแห่งหนึ่ง ลำดับนั้น บรรณศาลาของภิกษุนั้นถูกไฟไหม้ ในเดือนแรกนั่นเอง ภิกษุนั้นคิดว่า บรรณศาลาของเราถูกไฟไหม้เสียแล้ว เราจักอยู่ลำบาก จึงบอกแก่คนทั้งหลาย คนทั้งหลายอ้างการงานนั้น ๆ อย่างนี้ว่า บัดนี้ นาของพวกเราแห้ง พวกเราระบายน้ำเข้านาแล้วจักทำให้ เมื่อระบายน้ำเข้านาแล้วหว่านพืช เมื่อหว่านพืชแล้วทำรั้ว เมื่อทำรั้วแล้วสางพืช เก็บเกี่ยว นวด ดังนี้ให้กาลเวลาล่วงเลยไป ๓ เดือน ภิกษุนั้นอยู่ลำบากในที่แจ้งตลอด ๓ เดือน จึงไม่อาจเจริญกรรมฐานยังคุณวิเศษให้บังเกิด ก็ครั้นปวารณาแล้ว ก็ไปยังสำนักของพระศาสดา ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง.
พระศาสดาทรงทำปฏิสันถารกับภิกษุนั้นแล้วตรัสถามว่า “ดูก่อนภิกษุ เธออยู่จำพรรษาโดยสะดวกหรือ ? กรรมฐานของเธอถึงที่สุดแล้วหรือ ?”
ภิกษุนั้นกราบทูลเรื่องราวนั้นแล้วกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กรรมฐานของ ข้าพระองค์ไม่ถึงที่สุด เพราะไม่มีเสนาสนะอันเป็นสัปปายะ”
พระศาสดาตรัสว่า “ดูก่อนภิกษุ ในกาลก่อน แม้สัตว์เดียรัจฉานทั้งหลายก็ยังรู้ที่อันเป็นสัปปายะ และไม่เป็นสัปปายะของตน เพราะเหตุไร เธอจึงไม่รู้” แล้วทรงนำอดีตนิทาน มาแสดงดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดนก อันหมู่นกห้อมล้อม อาศัยต้นไม้ใหญ่อันสมบูรณ์ด้วยกิ่งและค่าคบอยู่ในราวป่า ครั้นวันหนึ่ง จุรณตกในที่กิ่งทั้งหลายของต้นไม้นั้นเสียดสีกันไปมา ควันเกิดขึ้น พระโพธิสัตว์เห็นดังนั้นจึงคิดว่า กิ่งทั้งสองนี้เมื่อเสียดสีกันอยู่อย่างนี้จักเกิดไฟ ไฟนั้นตกลงไปติดใบไม้เก่า ๆ แต่นั้นไฟจักเผาต้นไม้นี้ พวกเราไม่อาจอยู่ในที่นี้ พวกเราหนีจากที่นี้ไปอยู่ ที่อื่น จึงจะควร พระโพธิสัตว์จึงกล่าวแจ้งแก่หมู่นก
นกทั้งหลายที่เป็นบัณฑิตกระทำตามคำของพระโพธิสัตว์ พากันบินขึ้น พร้อมกันกับพระโพธิสัตว์นั้น ไปอยู่ที่อื่น ส่วนนกทั้งหลายที่ไม่เป็นบัณฑิตพากัน กล่าวอย่างนี้ว่า พระโพธิสัตว์นี้เห็นว่ามีจระเข้ในน้ำเพียงหยดเดียว จึงไม่เชื่อถือคำของพระโพธิสัตว์นั้น คงอยู่ในที่นั้นนั่นเอง แต่นั้นไม่นานนัก ไฟบังเกิดขึ้นจับติดต้นไม้นั้นแหละ ตามอาการที่พระโพธิสัตว์คิดแล้วนั่นแล เมื่อควันและเปลวไฟเกิดขึ้น นกทั้งหลายมีตามืดมัวเพราะควัน จึงไม่อาจไปที่ไหนได้ พากันตกลงในไฟถึงความพินาศ
พระศาสดาตรัสว่า "ดูก่อนภิกษุ ในกาลก่อนแม้สัตว์เดียรัจฉานทั้งหลาย อยู่บนยอดไม้ ก็ยังรู้ความสบายและไม่สบายของตนอย่างนี้ เพราะเหตุไร เธอจึงไม่รู้" ดังนี้ ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้วจึงทรงประกาศสัจจะทั้งหลาย ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุนั้นตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล ฝ่ายพระศาสดาก็ทรงประชุมชาดกว่า
นกทั้งหลายที่ทำตามคำของพระโพธิสัตว์ในครั้งนั้น ได้เป็นพุทธบริษัทในบัดนี้
ส่วนนกผู้เป็นบัณฑิต ได้เป็นเราเองแล