ขุททกนิกายภาค ๑
เอกนิบาต
๑๑. ปโรสตวรรค
พาหิยชาดก
เป็นคนควรศึกษาศิลปะ
พระศาสดาเมื่อทรงอาศัยพระนครเวสาลี ประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน ทรงปรารภเจ้าลิจฉวีองค์หนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า เจ้าลิจฉวีองค์นั้น ทรงมีศรัทธาเลื่อมใส นิมนต์พระภิกษุมีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ทรงยังมหาทานให้เกิดขึ้นในวังของพระองค์ แต่เทวีของพระองค์มีอวัยวะทุกส่วนอ้วนพี ดูคล้ายนิมิตแห่งทรากศพที่ขึ้นพอง ไม่สมบูรณ์ด้วยมรรยาท พระศาสดาทรงทำอนุโมทนาในเวลาเสร็จภัตรกิจแล้วเสด็จไปพระวิหาร ประทานโอวาทแก่ภิกษุทั้งหลาย แล้วเสด็จเข้าพระคันธกุฎี
ภิกษุทั้งหลายพากันตั้งเรื่องสนทนากันในธรรมสภาว่า “ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย เจ้าลิจฉวีพระองค์นั้น มีพระรูปงามปานนั้น มีเทวีลักษณะตรงกันข้าม มีอวัยวะน้อยใหญ่อ้วนพี ไม่มีกิริยามรรยาท ท้าวเธอจะทรงอภิรมย์กับเทวีได้อย่างไรกันนะ ?”
พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลายบัดนี้พวกเธอนั่งประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร” เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ตรัสว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เจ้าลิจฉวีองค์นี้ มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในครั้งก่อน ก็ทรงอภิรมย์กับหญิงที่มีร่างกายอ้วน เหมือนกัน” แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน พระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นอำมาตย์ของพระองค์ ครั้งนั้น หญิงชนบทคนหนึ่งมีอวัยวะอ้วนพี ไม่มีกิริยามรรยาท ทำอาชีพรับจ้าง เดินผ่านไปไม่ไกลท้องพระลานหลวง เกิดปวดอุจจาระ ก็เอาผ้านุ่งคลุมหัว นั่งถ่ายอุจจาระแล้วรีบลุกขึ้น ขณะนั้นพระเจ้าพาราณสี ทอดพระเนตรท้องพระลานหลวงทางช่องพระแกล ทรงเห็นนางแล้ว ทรงดำริว่า “หญิงผู้นี้ ถ่ายอุจจาระไว้ที่พระลานอย่างนี้ มิได้ละหิริโอตตัปปะ เอาผ้านุ่งนั่นแหละปิด ถ่ายอุจจาระแล้วก็รีบลุกขึ้น ชะรอยนางจักเป็นหญิงไม่มีโรค วัตถุของนางจักต้องบริสุทธิ์ ลูกคนหนึ่งที่ได้ในวัตถุบริสุทธิ์ จักเป็นผู้บริสุทธิ์ มีบุญ เราควรตั้งนางไว้เป็นอัครมเหสี”
ท้าวเธอทรงทราบความที่นางยังไม่มีคู่ครอง ก็ตรัสสั่งพระราชทานตำแหน่งอัครมเหสี นางได้เป็นที่โปรดปราน ต้องพระทัยของท้าวเธอ ไม่นานนักก็ประสูติพระโอรสองค์หนึ่ง และโอรสของพระนางก็ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ พระโพธิสัตว์เห็นความถึงพร้อมด้วยยศของพระนาง ได้โอกาสที่จะกราบทูลเช่นนั้นได้ จึงกราบทูลว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ ศิลปะชื่อว่าควรศึกษา เหตุไรจะไม่น่าศึกษาเล่า แต่พระมเหสีผู้มีบุญหนักพระองค์นี้ ไม่ทรงละหิริโอตตัปปะ ทรงกระทำสรีรวลัญชะ ด้วยอาการมิดเม้น ยังทำให้พระองค์โปรดปราน ทรงบรรลุสมบัติเห็นปานนี้ได้นะ พระเจ้าข้า” เมื่อจะกราบทูลคุณแห่งศิลปะที่ควรศึกษาทั้งหลาย จึงกล่าวคาถานี้ ความว่า :
"บุคคลควรศึกษาศิลปะทั้งหลาย ชนทั้งหลายที่พอใจในศิลปะนั้นก็มีอยู่
แม้แต่หญิงที่เกิดในจังหวัดชั้นนอก ก็ยังทำให้พระราชาทรงโปรดปรานได้
ด้วยความกระมิดกระเมี้ยนของเธอ" ดังนี้.
พระโพธิสัตว์กล่าวคุณของศิลปะทั้งหลาย อันสมควรแก่คุณค่าของการศึกษา ด้วยประการฉะนี้.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
คู่สามีภรรยาในครั้งนั้น ได้มาเป็นคู่สามีภรรยาในบัดนี้
ส่วนอำมาตย์ผู้เป็นบัณฑิตได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ พาหิยชาดก