Thai Chinese (Traditional) English French Italian Portuguese Russian
พระพุทธศักดิ์สิทธิ์ วัดโพรงจระเข้
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
สืบทอดพระพุทธศาสนา
นำทางสู่การพ้นทุกข์

ขุททกนิกายภาค ๑
เอกนิบาต
๑๓. กุสนาฬิวรรค
โกสิยชาดก
ว่าด้วยถ้อยคำกับการกินไม่สมกัน

      พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภมาตุคามในพระนครสาวัตถี นางหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.

      ได้ยินว่า ภรรยาของพราหมณ์อุบาสกผู้มีศรัทธาปสาทะผู้หนึ่ง นางเป็นหญิงประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง หยาบช้า ลามก กลางคืนก็ประพฤตินอกใจ กลางวันก็ไม่ทำงานอะไร แสดงท่าทางอย่างคนไข้ นอนทอดถอนใจอยู่ไปมา ครั้งนั้น พราหมณ์ถามนางว่า "แม่มหาจำเริญ เธอไม่สบาย เป็นอะไรไปหรือ" นางตอบว่า "ลมมันเสียดแทงดิฉัน" พราหมณ์ถามว่า "ถ้าอย่างนั้นได้อะไรถึงจะเหมาะเล่า" นางตอบว่า "ต้องได้รับ ยาคูภัตรและน้ำมันเป็นต้น ที่ประณีต ๆ" พราหมณ์ก็ไปหาสิ่งที่นางต้องการนั้น ๆ มาให้ กระทำกิจทุกอย่างเหมือนเป็นทาส ฝ่ายนางพราหมณี เวลาพราหมณ์เข้าเรือน ก็นอน เวลาพราหมณ์ ออกไป ก็หยอกล้อกับชายชู้ ฝ่ายพราหมณ์ดำริว่า กองลมที่ เสียดแทงสรีระภรรยาของเรานี้ ดูท่าจะไม่มีที่สิ้นสุด

      วันหนึ่ง จึงถือของหอมและดอกไม้เป็นต้น ไปสู่พระเชตวันวิหาร บูชาพระศาสดา ถวายบังคมแล้วนั่งอยู่ ณ ส่วนข้างหนึ่ง เมื่อมีพระดำรัสว่า "ดูก่อนพราหมณ์ เพราะเหตุไร ท่านจึงมิค่อยได้มา" พราหมณ์กราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นัยว่ากองลมเสียดแทงสรีระนางพราหมณีของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ต้อง แสวงหาเนยใส น้ำมันเป็นต้น และโภชนะที่ประณีต ๆ ให้นาง ร่างกายของนางก็ดูอ้วนท้วน ผ่องใส มีผิวพรรณดี แต่โรคลม ดูไม่มีท่าจะสิ้นสุดได้เลย ข้าพระองค์ต้องปรนนิบัตินางอยู่เรื่อย ๆ จึงไม่ได้โอกาสมาวิหารนี้ พระเจ้าข้า" พระศาสดาทรงทราบ ความเลวของนางพราหมณีแล้วจึงตรัสว่า "พราหมณ์ เมื่อมาตุคามนอนเสียอย่างนี้ โรคก็ไม่สงบ ต้องปรุงยาอย่างนี้แล อย่างนี้ให้ จึงจะสมควร แม้ในครั้งก่อนบัณฑิตก็เคยบอกท่านแล้ว แต่ท่าน กำหนดจดจำไม่ได้เอง เพราะมีเหตุที่ภพมากำบังไว้เสีย" ครั้นเมื่อพราหมณ์กราบทูลอาราธนา จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :

      ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน พระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ บังเกิดในสกุลพราหมณ์มหาศาล เรียนศิลปะทุกประการในเมืองตักกสิลา แล้วได้เป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ในพระนครพาราณสี ขัตติยกุมารในราชธานีทั้งร้อยเอ็ด และพราหมณกุมาร พากันมาเรียนศิลปะในสำนักของท่านผู้เดียวมากมาย

      ครั้งนั้นมีพราหมณ์ชาวชนบทผู้หนึ่ง เรียนไตรเพทและวิทยฐานะ ๑๘ ประการ ในสำนักของพระโพธิสัตว์แล้ว ตั้งหลักฐานอยู่ในพระนครพาราณสีนั่นเอง เขาได้มาที่สำนักของพระโพธิสัตว์วันละสองสามครั้งทุกวัน นางพราหมณีของเขา เป็นหญิงประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง หยาบช้า ลามก เรื่องทั้งปวงตั้งแต่นี้ไป ก็เช่นเดียวกับเรื่องปัจจุบันนั่นแล ฝ่ายพระโพธิสัตว์เมื่อพราหมณ์นั้นบอกว่า ด้วยเหตุนี้ กระผมจึงไม่มีโอกาส เพื่อจะไปรับโอวาทดังนี้ ก็ทราบว่า นางมาณวิกานั้น นอนหลอกพราหมณ์นี้เสียแล้ว คิดว่า เราต้องบอกยาที่ เหมาะสมให้แก่นาง แล้วกล่าวว่า "พ่อคุณ ต่อแต่นี้ไป เจ้าอย่าได้ ให้เนยใส และน้ำนมสดแก่นางเป็นอันขาด แต่จงโขลกใบไม้ ๕ อย่างและผล ๓ อย่างเป็นต้น ใส่ในมูตรโค แล้วแช่ไว้ในภาชนะทองแดงใหม่ ๆ ให้กลิ่นโลหะมันจับ แล้วถือเชือก หวาย หรือไม้เรียว" กล่าวว่า "ยานี้เหมาะแก่โรคของเจ้า เจ้าจงกินยานี้ หรือไม่เช่นนั้น ก็ลุกขึ้นทำการงานให้สมควรแก่ภัตรที่เจ้าบริโภค" แล้วต้องกล่าวคาถานี้ "ถ้านางไม่ยอมดื่มยา ก็ต้องเอาเชือกหรือ หวาย หรือไม้เรียว หวดนางลงไปอย่างไม่ต้องนับ แล้วจิกผม กระชากมาถองด้วยศอก นางจักลุกขึ้นทำงานในทันใดนั่นเอง" เขารับคำว่า "ดีจริงขอรับ" แล้วทำยาตามข้อที่บอกแล้วนั่นแหละ กล่าวว่า "แม่มหาจำเริญ เชิญดื่มยานี้เถิด" นางถามว่า "ยานี้ใคร บอกท่านเล่าเจ้าคะ" ตอบว่า "อาจารย์บอกให้ แม่มหาจำเริญ" นางกล่าวว่า "เอามันไปเสียเถิด ฉันไม่ดื่ม" มาณพกล่าวว่า "เจ้าจักดื่มตามใจชอบของตนไม่ได้" แล้วคว้าเชือกกล่าวว่า "เจ้าจงดื่มยาที่เหมาะแก่โรคของตน หรือมิฉะนั้นก็จงทำงานให้สมควรแก่ภัตรที่บริโภค" แล้วกล่าวคาถานี้ ความว่า

"ดูก่อนนางผู้โกสิยะ เจ้าจงกินยาให้สมกับที่อ้างว่าป่วย

หรือจงทำงานให้สมกับอาหารที่บริโภค

เพราะถ้อยคำกับการกินของเจ้าทั้งสองอย่างไม่สมกันเลย" ดังนี้.

      เมื่อพราหมณ์กล่าวอย่างนี้แล้ว ธิดาแห่งโกสิยพราหมณ์ คิดว่า ตั้งแต่เวลาที่อาจารย์ช่วยขวนขวายแล้ว เราไม่อาจลวงเขาอย่างนี้ต่อไปได้ ต้องลุกขึ้นทำการงาน ดังนี้แล้ว ก็ลุกขึ้นประกอบกิจตามหน้าที่ ทั้งยังเป็นหญิงมีศีล งดเว้นจากการทำความชั่ว ด้วยความยำเกรงในอาจารย์ว่า ความที่เราเป็นหญิงประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง อาจารย์รู้หมดแล้ว ต่อแต่นี้ไป เราไม่สามารถจะทำเช่นนี้ได้อีก.

      แม้นางพราหมณีนั้น ก็ไม่กล้าทำอนาจารซ้ำอีก ด้วยความเคารพในพระศาสดาว่า ได้ยินว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรู้เรื่องของเราแล้ว.

      พระศาสดา ทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า

      คู่สามีภรรยาในครั้งนั้น ได้มาเป็นคู่สามีภรรยาในบัดนี้

      ส่วนอาจารย์ ได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.

จบ โกสิยชาดก

อรรถกถาชาดกพระเจ้า 547 พระชาติ

เชิญร่วมบุญ