ขุททกนิกายภาค ๑
เอกนิบาต
๓. กุรุงควรรค
มุณิกชาดก
ว่าด้วยลักษณะของผู้มีอายุยืน
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระวิหารเชตวัน ทรงปรารภการประเล้าประโลมของเด็กหญิงอ้วน จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้
เรื่องการประเล้าประโลมนั้น จักมีแจ้งในจุลลนารทกัสสปชาดก เตรสนิบาต ก็พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า “ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่า เธอเป็นผู้กระสันจะสึกจริงหรือ ?”
ภิกษุนั้นทูลว่า “พระเจ้าข้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ”
พระศาสดาตรัสถามว่า “เพราะอาศัยอะไร ?”
ภิกษุนั้นกราบทูลว่า “เพราะอาศัยการประเล้าประโลมของเด็กหญิงอ้วน พระเจ้าข้า”
พระศาสดาตรัสว่า “ดูก่อน ภิกษุ เด็กหญิงอ้วนนั้นกระทำความพินาศแก่เธอในบัดนี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในกาลก่อน ในวันวิวาห์ของเด็กหญิงอ้วนนี้ เธอก็ถึงความสิ้นชีวิต ถึงความเป็นแกงอ่อมของมหาชน” แล้วทรงนำอดีตนิทานมาแสดง ดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำเนิดโคในบ้านของกุฏุมพีคนหนึ่งในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง โดยมีชื่อว่า มหาโลหิต ฝ่ายน้องชายของพระโพธิสัตว์ ได้เป็นโคผู้ชื่อว่า จูฬโลหิต ธุระการงานในตระกูลนั้นนั่นแล ย่อมดำเนินไปได้เพราะอาศัยโค ๒ ตัวพี่น้องนั้นนั่นเอง
ในตระกูลนั้นมีเด็กหญิงคนหนึ่ง ซึ่งกุลบุตรชาวเมืองคนหนึ่ง ได้สู่ขอเด็กหญิงนั้นเพื่อให้ตกแต่งกับบุตรของตน บิดามารดาของเด็กหญิงนั้นก็ได้ให้ข้าว ยาคูและภัตเลี้ยงดูสุกรชื่อว่า มุณิกะ ด้วยหวังว่าจักฆ่าสุกรแล้วนำเนื้อสุกรไปทำเป็นแกงอ่อมสำหรับเลี้ยงแขกผู้มาในวันวิวาห์ของเด็กหญิง
โคจูฬโลหิตเห็นดังนั้นจึงถามพี่ชายว่า ธุระการงานในตระกูลนี้เมื่อจะดำเนินไป ก็อาศัยเราพี่น้องทั้งสองจึงดำเนินไปได้ แต่คนเหล่านี้ให้เฉพาะแต่หญ้าและใบไม้แก่พวกเรา กลับปรนเปรอสุกรด้วยข้าว ยาคูและภัต ด้วยเหตุไรหนอ
ลำดับนั้น โคผู้พี่จึงกล่าวแก่โคจูฬโลหิตผู้น้องว่า
“ดูก่อนพ่อจูฬโลหิต เจ้าอย่าริษยาโภชนะของสุกรนั้นเลย สุกรนี้กำลังบริโภคภัตซึ่งเป็นเหตุให้ตนถึงแก่ความตาย ด้วยว่า ในวันวิวาห์ของกุมาริกา สุกรนี้จักถูกฆ่าแล้วทำเป็นแกงอ่อมสำหรับแขกผู้มา เพราะเหตุนั้น ชนเหล่านี้จึงเลี้ยงดูสุกรนี้ โดยล่วงไป ๒ - ๓ วันแต่นี้ไปคนทั้งหลายจักพากันมา เมื่อเป็นอย่างนั้น เจ้าจักได้เห็นสุกรนั้นถูกจับที่เท้าทั้งหลายดึงออกมาจากใต้เตียง ถูกเขาฆ่ากระทำแกงและกับข้าวเพื่อแขกทั้งหลาย”
แต่นั้น ไม่นานนัก คนเหล่านั้นก็พากันมา ฆ่าหมูมุณิกะแล้วแทง โดยประการต่าง ๆ พระโพธิสัตว์กล่าวกะโคจูฬโลหิตว่า “พ่อ เจ้าเห็นหมูมุณิกะแล้วหรือ”
โคจูฬโลหิตกล่าวว่า “ข้าแต่พี่ ผลแห่งการบริโภคของหมูมุณิกะฉันเห็นแล้ว ของสักว่าหญ้า ใบไม้ และแกลบเท่านั้น ของพวกเรา อุดม ไม่มีโทษ และเป็นลักษณะแห่งความเป็นผู้มีอายุยืน กว่าภัตของหมูมุณิกะโดยร้อยเท่าพันเท่า.”
พระศาสดาตรัสว่า “ดูก่อนภิกษุ แม้ในกาลก่อน เธอก็อาศัยกุมาริกานี้ถึงความสิ้นชีวิต แล้วถึงความเป็นแกงอ่อมของมหาชน ด้วยประการอย่างนี้แล”
ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประกาศสัจจะทั้งหลาย ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุผู้กระสันอยากสึก ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล แม้พระศาสดาก็ทรงประชุมชาดกว่า
มุณิกสุกรในครั้งนั้น ได้เป็นภิกษุผู้กระสันจะสึก
กุมาริกานี้แหละ ได้เป็นกุมาริกาอ้วน
โคจูฬโลหิต ได้เป็นพระอานนท์
ส่วนโคมหาโลหิต ได้เป็นเราแล.