ขุททกนิกายภาค ๑
เอกนิบาต
๑๔. อสัมปทานวรรค
ฌานโสธนชาดก
ว่าด้วยสุขเกิดจากสมาบัติ
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภการที่พระธรรมเสนาบดีพยากรณ์ปัญหาที่พระองค์ตรัสถาม โดยย่อได้อย่างพิสดาร ณ ประตูสังกัสนคร ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ต่อไปนี้เป็นเรื่องอดีต ในการพยากรณ์ปัญหานั้น.
ได้ยินว่า ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์กำลังจะมรณภาพที่ชายป่า ถูกพวกอันเตวาสิกถาม ก็กล่าวว่า เนวสัญญีนาสัญญี มีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญาก็ไม่ใช่ ฯลฯ (เหมือนกับเรื่องใน ปโรสหัสสชาดก) พวกดาบสไม่ยอมเชื่อถ้อยคำของอันเตวาสิกผู้ใหญ่ พระโพธิสัตว์จึงมาแต่พรหมชั้นอาภัสสระ ยืนอยู่ในอากาศ กล่าวคาถานี้ ความว่า :
"สัตว์เหล่าใดเป็นผู้มีสัญญา แม้สัตว์เหล่านั้น ก็ชื่อว่าเป็นทุคตะ
สัตว์เหล่าใดเป็นผู้ไม่มีสัญญา ถึงสัตว์เหล่านั้น ก็ชื่อว่าเป็นทุคตะ
ท่านจงละเว้นความเป็นสัญญีสัตว์ และอสัญญีสัตว์ทั้งสองนี้เสีย
สุขอันเกิดจากสมาบัตินั้นเป็นสุขที่ไม่มีกิเลสเครื่องยียวน" ดังนี้.
อธิบายว่า หมู่สัตว์ที่มีจิตหมู่ใด เว้นท่านผู้ได้เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน เพราะไม่ได้สมาบัตินั้น แม้ชนเหล่านั้นจึงยังเป็นผู้ชื่อว่า ทุคตะ.
แม้อจิตตกสัตว์ ผู้เกิดในอสัญญีภพ ก็ยังคง เป็นทุคตะอยู่เหมือนกัน เพราะยังไม่ได้สมาบัตินี้นั้นแหละ.
เธอจงเว้นเสีย ละเสีย แม้ทั้งสองอย่างนั้น คือ สัญญีภาวะ และอสัญญีภาวะ.
ความสุขในฌานนั้น คือที่ถึงการนับว่าเป็นสุขโดยเป็นธรรมชาติสงบระงับ ของท่านผู้ได้เนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติ เป็นอนังคณะ คือปราศจากโทษ แม้เพราะความที่แห่งจิตมีอารมณ์แน่วแน่ มีกำลังเป็นสภาพ ความสุขนั้นก็ชื่อว่าเป็นของไม่มีกิเลสเครื่องยียวน.
พระโพธิสัตว์แสดงธรรมสรรเสริญคุณของอันเตวาสิก ด้วยประการฉะนี้แล้ว ก็ได้กลับคืนไปยังพรหมโลก คราวนั้นดาบสที่เหลือ ต่างพากันเชื่อฟังอันเตวาสิกผู้ใหญ่.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสประชุม ชาดกว่า
อันเตวาสิกผู้ใหญ่ในครั้งนั้นได้มาเป็นพระสารีบุตร
ส่วนท้าวมหาพรหม ได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ ฌานโสธนชาดก