Thai Chinese (Traditional) English French Italian Portuguese Russian
พระพุทธศักดิ์สิทธิ์ วัดโพรงจระเข้
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
สืบทอดพระพุทธศาสนา
นำทางสู่การพ้นทุกข์

 

ขุททกนิกายภาค ๑

เอกนิบาต

๙. อปายิมหวรรค

กิมปักกชาดก

ว่าด้วยโทษของกาม

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุผู้กระสันแล้วรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.

ได้ยินว่ากุลบุตรผู้หนึ่ง บวชถวายชีวิตในพระพุทธศาสนา วันหนึ่งเที่ยวบิณฑบาตในพระนครสาวัตถี เห็นหญิงนางหนึ่ง แต่งกายหมดจดงดงาม เกิดกระสัน ครั้งนั้นอาจารย์แลอุปัชฌาย์ พาเธอมายังสำนักของพระบรมศาสดา พระบรมศาสดาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุ จริงหรือที่ว่าเธอกระสัน เมื่อเธอกราบทูลว่า จริงพระเจ้าข้า ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ขึ้นชื่อว่า เบญจกามคุณเหล่านี้ น่ารื่นรมย์ในเวลาบริโภค แต่ว่าการบริโภคเบญจกามคุณ เหล่านั้น ย่อมเปรียบได้กับการบริโภคผลกิมปักกะ(ผลไม้มีพิษ ชนิดหนึ่ง ลูกเท่าผลมะม่วง) เพราะเป็นตัวให้เกิดปฏิสนธิในนรก เป็นต้น ที่ได้ชื่อว่า ผลกิมปักกะสมบูรณ์ด้วยสี กลิ่น และรส แต่กินเข้าไปแล้วกัดไส้ ทำให้ถึงสิ้นชีวิต ในครั้งก่อนคน เป็นอันมากไม่เห็นโทษของมัน ติดใจในสี กลิ่นและรส ต่างบริโภคผลไม้นั้นทำให้พากันถึงสิ้นชีวิต สมเด็จพระบรมศาสดาอันภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น กราบทูลอาราธนา จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์เป็นนายกองเกวียน คุมกองเกวียน ๕๐๐ เล่ม เดินทางไปสู่ชายแดนไกล ๆ ถึงปากดง เรียกประชุมคนทั้งหลายตักเตือนว่า ในดงนี้มีต้นไม้ที่ชื่อต้นไม้มีพิษ ถ้าไม่ถามเราก่อนแล้ว จงอย่ากินผลาผลที่ไม่เคยกินมาก่อนเป็นอันขาด ฝูงชนเดินทางล่วงเข้าสู่ดง ได้เห็นต้นกิมปักกะ ต้นหนึ่ง มีกิ่งโน้มลงเพราะหนักผล ลำต้น กิ่ง และใบของมันคล้ายกับต้นมะม่วง ทั้งสัณฐาน สี กลิ่นและรส พากันกินผลไม้ ด้วยสำคัญว่าผลมะม่วง บางพวก ก็ว่า ต้องถามนายกองเกวียนก่อนแล้วจึงจักกิน ถือยืนรออยู่ ครั้นพระโพธิสัตว์มาถึงที่นั้น ก็ร้องบอกพวกที่ถือยืนรอนั้นให้ทิ้งผลไม้เสีย บอกให้พวกที่พากันกินเข้าไปแล้วทำการสำรอกให้อาเจียน แล้วให้ยาพวกนั้นกิน พวกเหล่านั้นบางคนก็หาย แต่พวกที่กินเข้าไปก่อนพากันสิ้นชีวิต ฝ่ายพระโพธิสัตว์เดินทางถึงสถานที่ต้องการจะไปโดยสวัสดี เสร็จกิจแล้วกลับมาถึงสถานที่ ของตนดังเดิม กระทำบุญมีให้ทานเป็นต้น แล้วไปตามยถากรรม.

พระศาสดาตรัสเรื่องนั้นแล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :

"ผู้ใดไม่รู้โทษในอนาคต มัวเสพกามอยู่

ผลที่สุดกามเหล่านั้น ก็จะกำจัดบุคคลนั้นเสีย

เหมือนผลกิมปักกะ กำจัดผู้กินให้ถึงตายฉะนั้น" ดังนี้.

กำจัดอย่างไร ? ก็อย่างเดียวกับผลกิมปักกะที่บุคคลบริโภคแล้วฉะนั้น อธิบายว่า อุปมาเหมือนผลกิมปักกะน่าชอบใจ เพราะถึงพร้อม ด้วยสี กลิ่น และรสในเวลาบริโภค ทำให้คนที่ไม่เห็นโทษใน อนาคตกินแล้วถึงความสิ้นชีวิตไปตาม ๆ กันฉันใด กามทั้งหลาย แม้จะน่าชอบใจในเวลาบริโภค ก็จะกำจัดเขาเสียในเวลาให้ผล ฉันนั้น.

พระบรมศาสดาทรงแสดงธรรมตามอนุสนธิ แล้วทรงประกาศสัจธรรม ภิกษุผู้กระสัน บรรลุโสดาปัตติผล บริษัทที่เหลือ บางพวกเป็นพระโสดาบัน บางพวกเป็นพระสกทาคามี บางพวกเป็นพระอนาคามี บางพวกได้เป็นพระอรหันต์ พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า

บริษัทในครั้งนั้นได้มาเป็นพุทธบริษัท

ส่วนนายกองเกวียนได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.

จบ กิมปักกชาดก

อรรถกถาชาดกพระเจ้า 547 พระชาติ

เชิญร่วมบุญ