ขุททกนิกายภาค ๑
เอกนิบาต
๑๓. กุสนาฬิวรรค
กลัณฑุกชาดก
ว่าด้วยสกุลของนายกลัณฑุกะ
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุผู้มักโอ้อวดรูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
เรื่องแม้ทั้งสองในชาดกนั้น ก็เช่นเดียวกันกับ กฏาหกชาดก นั้นแหละ แต่ในชาดกนี้ ทาสของพาราณสีเศรษฐีผู้นี้ มีชื่อว่า กลัณฑุกะ ในเวลาที่เขาหนีไปครอบครองธิดาของปัจจันตเศรษฐี อยู่ด้วยบริวารเป็นอันมาก พาราณสีเศรษฐี แม้จะให้คนเที่ยวสืบหา ก็ไม่รู้ที่ที่เขาไป จึงส่งนกแขกเต้าผู้อยู่กับตนไปว่า ไปเถิด ไปสืบหากลัณฑุกะให้ทีเถิด ลูกนกแขกเต้าเที่ยวไปเรื่อย ๆ จนถึงนครนั้น ในกาลนั้น กลัณฑุกะประสงค์จะเล่นน้ำ ให้คนถือเอาดอกไม้ของหอมเครื่องลูบไล้กับขาทนียะ และโภชนียะเป็นอันมากไปสู่แม่น้ำ นั่งเรือกับเศรษฐีธิดาเล่นน้ำอยู่ ก็ในประเทศถิ่นฐานนั้น เมื่อเจ้านายใหญ่โต เล่นกีฬาในน้ำจะดื่มนมสดแกล้มด้วยเภสัชที่มีรสเข้ม เพื่อว่าเมื่อเล่นน้ำตลอดวัน ความหนาวก็ไม่เบียดเบียนได้ แต่กลัณฑุกะนี้ ถือถ้วยนมสด บ้วนปากแล้วถ่มนมสดนั้นทิ้งเสีย แม้เมื่อจะถ่มทิ้ง ก็ไม่ถ่มลงในน้ำ ถ่มลงบนหัวของเศรษฐีธิดาอีกด้วย
ฝ่ายลูกนกแขกเต้า บินถึงฝั่งแม่น้ำ ก็เกาะอยู่ที่กิ่งมะเดื่อกิ่งหนึ่ง ค้นดู ก็จำกลัณฑุกะได้ เห็นกำลังถ่มรดศีรษะธิดาเศรษฐีอยู่ ก็กล่าวว่า "แนะเจ้าทาส กลัณฑุกะชาติชั่ว จงสำนึกถึงชาติกำเนิด แลพื้นเพของตนบ้างเถิด อย่าเอานมสดมาล้างปากแล้วถ่มรดศีรษะเศรษฐีธิดา ผู้สมบูรณ์ด้วยชาติ จำเริญด้วยความสุขเลย ช่างไม่รู้ประมาณตนเลยนะ" แล้วกล่าวคาถานี้ ความว่า :
"สกุลของเจ้าไม่ใช่สกุลสูง เราผู้เที่ยวอยู่ในป่าก็ยังรู้ได้
นายของเจ้าทราบแน่แล้ว ก็พึงจับเจ้าไป
ดูราเจ้ากลัณฑุกะ เจ้าจงดื่มน้ำนมเสียเถิด" ดังนี้.
ฝ่ายกลัณฑุกะเล่าก็จำลูกนกแขกเต้าได้ ด้วยความกลัวว่า มันพึงเผยเรื่องของเรา จึงเชิญว่า "มาเถิดนาย ท่านมาเมื่อไรเล่า" แม้นกแขกเต้าเล่าก็รู้ว่า เจ้านี่ไม่ได้เรียกเราด้วยความปรารถนาดี แต่มีความประสงค์จะบิดคอเราให้ตาย จึงกล่าวว่า "เราไม่มีธุระกับเจ้า" ดังนี้แล้ว โดดจากที่นั้นไปสู่พระนครพาราณสี เล่าเรื่องราวตามที่ตนเห็นมาให้ท่านเศรษฐีฟังโดยพิสดาร ท่านเศรษฐีคิดว่า มันทำไม่สมควรเลย จึงนำตนมาสู่พระนครพาราณสีตามเดิม ลงอาชญาแก่เขา แล้วใช้สอยอย่างทาสสืบไป.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
กลัณฑุกะในครั้งนั้น ได้มาเป็นภิกษุนี้
ส่วนพาราณสีเศรษฐีได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ กลัณฑุกะชาดก