Thai Chinese (Traditional) English French Italian Portuguese Russian
พระพุทธศักดิ์สิทธิ์ วัดโพรงจระเข้
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
สืบทอดพระพุทธศาสนา
นำทางสู่การพ้นทุกข์

ขุททกนิกายภาค ๑

เอกนิบาต

๑๒. หังสิวรรค

อกาลราวิชาดก

ว่าด้วยไก่ขันไม่ถูกเวลา

    

       พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภภิกษุผู้ท่องบ่นไม่เป็นเวลารูปหนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.               


      ได้ยินว่า ภิกษุนั้น เป็นกุลบุตรชาวพระนครสาวัตถี บรรพชาในพระศาสนาแล้ว ไม่เรียนวัตรหรือสิกขา เธอไม่รู้ว่า เวลานี้ควรทำวัตร เวลานี้ควรปรนนิบัติ เวลานี้ควรเล่าเรียน เวลานี้ควรท่องบ่น จึงได้ส่งเสียงดังในขณะที่ตนตื่นขึ้นทีเดียว ทั้งในปฐมยาม ทั้งในมัชฌิมยาม ทั้งในปัจฉิมยาม ภิกษุทั้งหลายไม่เป็นอันได้หลับนอน ต่างพากันกล่าวโทษของเธอในธรรมสภาว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุโน้น บรรพชาในพระศาสนา ยังไม่รู้วัตรหรือสิกขา กาลหรือมิใช่กาล พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอประชุมสนทนากันด้วยเรื่องอะไร?” เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ตรัสว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่ภิกษุนี้ส่งเสียงไม่เป็นเวลา แม้ในกาลก่อน ก็ส่งเสียงไม่เป็นเวลาเหมือนกัน และเพราะความที่ไม่รู้กาลหรือมิใช่กาล ถูกบิดคอถึงสิ้นชีวิต” แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :


      ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน พระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในสกุลอุทิจจพราหมณ์ เจริญวัยแล้ว สำเร็จการศึกษาในศิลปวิทยาทุกอย่าง เป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ในพระนครพาราณสี บอกศิลปะแก่มาณพประมาณ ๕๐๐ พวกมาณพเหล่านั้น มีไก่ขันยามอยู่ตัวหนึ่ง พวกเขาพากันลุกตามเสียงขันของมัน ศึกษาศิลปะอยู่ ต่อมาไก่นั้นได้ตายเสีย พวกเขาจึงเที่ยวแสวงหาไก่ตัวอื่นมาแทน


      ครั้งนั้นมาณพผู้หนึ่ง หักฟืนอยู่ในป่าช้า เห็นไก่ตัวหนึ่ง ก็จับมาใส่กรงเลี้ยงไว้ ไก่ตัวนั้น มิได้รู้ว่าควรขันในเวลาใด เพราะมันเติบโตในป่าช้า บางคราวก็ขันดึกเกินไป บางคราวก็ขันเอาเวลาอรุณขึ้น พวกมาณพพากันศึกษาศิลปะในเวลาที่มันขันดึกเกินไป ไม่อาจศึกษาได้จนอรุณขึ้น พากันนอนหลับไป แม้ข้อที่ท่องจำได้แล้ว ก็เลือนลืม ในเวลาที่มันขันสว่างเกินไปเล่า ต่างก็ไม่ได้ท่องบ่นเลย มาณพกล่าวกันว่า เดี๋ยวมันขันดึกไป เดี๋ยวก็ขันสายไป อาศัยไก่ตัวนี้ พวกเราคงเรียนศิลปะวิทยาไม่สำเร็จแล้ว จึงช่วยกันจับมันบิดคอถึงสิ้นชีวิต แล้วบอกอาจารย์ว่า “ไก่ที่ขันไม่เป็นเวลา พวกผมฆ่ามันเสียแล้ว” อาจารย์กล่าวว่า “มันถึงความตาย เพราะมันเจริญเติบโต โดยมิได้รับการสั่งสอนเลย” ดังนี้แล้วกล่าวคาถานี้ ความว่า


"ไก่ตัวนี้ไม่ได้เติบโตอยู่กับพ่อแม่
ไม่ได้อยู่ในสำนักอาจารย์
ย่อมไม่รู้จักกาลที่ควรขันและไม่ควรขัน" ดังนี้.


      พระโพธิสัตว์แสดงเหตุนี้แล้ว ดำรงชีพอยู่จนตลอดอายุขัย แล้วไปตามยถากรรม.


พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
ไก่ที่ขันไม่เป็นเวลาในครั้งนั้น ได้มาเป็น ภิกษุนี้
อันเตวาสิก ได้มาเป็น พุทธบริษัท
ส่วนอาจารย์ได้มาเป็น เราตถาคต ฉะนี้แล.

จบ อกาลราวิชาดก

 

อรรถกถาชาดกพระเจ้า 547 พระชาติ

เชิญร่วมบุญ