ขุททกนิกายภาค ๑
เอกนิบาต
๔.กุลาวกวรรค
นัจจชาดก
เหตุที่ยังไม่ให้ลูกสาว
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวันวิหาร ทรงปรารภภิกษุผู้มีภัณฑะมากรูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
เรื่องเป็นเช่นกับเรื่องที่กล่าวไว้ในเทวธรรมชาดก ในหนหลังนั่นแหละ พระศาสดาตรัสถามภิกษุนั้นว่า “ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่าเธอเป็นผู้มีภัณฑะมากจริงหรือ ?”
ภิกษุนั้นกราบทูลว่า “พระเจ้าข้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ”
พระศาสดาตรัสถามว่า “เพราะเหตุไร เธอจึงเป็นผู้มีภัณฑะมาก ?”
ภิกษุนั้นพอได้ฟังพระดำรัสมีประมาณเท่านี้ก็โกรธจึงทิ้งผ้านุ่ง ผ้าห่ม คิดว่า บัดนี้ เราจักเที่ยวไปโดยทำนองนี้แล แล้วได้ยืนเป็นคนเปลือยอยู่ ณ เบื้องพระพักตร์ คนทั้งหลายพากันกล่าวว่า น่าตำหนิ น่าตำหนิ ภิกษุนั้นหลบไปจากที่นั้นแหละ แล้วจึงกลับมาสึก
ภิกษุทั้งหลายนั่งประชุมกันในโรงธรรมสภา พากันกล่าวโทษของภิกษุนั้นว่า กระทำกรรมเห็นปานนี้ ต่อเบื้องพระพักตร์พระศาสดา พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า
“ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งสนทนากันเรื่องอะไรหนอ ?”
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ภิกษุนั้นละหิริและโอตตัปปะ เป็นคนเปลือยในท่ามกลางบริษัท ๔ เบื้องหน้าพระองค์ เมื่อรู้ว่าผู้คนทั้งหลายรังเกียจอยู่ จึงเวียนกลับมาสึก เสื่อมจากพระศาสนา ดังนั้น ข้าพระองค์ทั้งหลายจึงนั่งประชุมกันด้วยการกล่าวโทษของภิกษุนั้น”
พระศาสดาตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นเสื่อมจากศาสนาคือพระรัตนะ ในบัดนี้เท่านั้นหามิได้ แม้ในกาลก่อน ก็เป็นผู้เสื่อมแล้วจากอิตถีรัตนะเหมือนกัน แล้วทรงนำอดีตนิทานมาแสดงว่า
ในอดีตกาลครั้งปฐมกัป สัตว์ ๔ เท้าทั้งหลายได้ตั้งราชสีห์ให้เป็นราชา พวกปลาตั้งปลาอานนท์ให้เป็นราชา พวกนกได้ตั้งสุวรรณหงส์ให้เป็นราชา ธิดาของพระยาสุวรรณหงส์นั้นนั่นแล เป็นลูกหงส์มีรูปงาม พระยาสุวรรณหงส์นั้นได้ให้พรแก่ธิดานั้น ธิดานั้นจึงขอเลือกสามีตามชอบใจของตน พระยาหงส์ให้พรแก่ธิดานั้น แล้วให้นกทั้งปวงในป่าหิมพานต์ประชุมกัน หมู่นกนานาชนิด มีหงส์และนกยูงเป็นต้น มาพร้อมกันแล้ว ประชุมกันที่พื้นหินใหญ่แห่งหนึ่ง พระยาหงส์เรียกธิดามาว่า จงมาเลือกเอาสามีตามชอบใจของตน ธิดานั้นตรวจดูหมู่นก ได้เห็นนกยูงมีคอดังสีแก้วมณี มีหางงามวิจิตรจึงบอกว่า “นกนี้จงเป็นสามีของดิฉัน” หมู่นกทั้งหลายจึงเข้าไปหานกยูงแล้วพูดว่า “ท่านนกยูงผู้สหาย ราชธิดานี้เมื่อจะพอใจสามีในท่ามกลางพวกนกมีประมาณเท่านี้ ได้เกิดความพอใจขึ้นในท่าน” นกยูงคิดว่า แม้วันนี้พวกนกก็ยังไม่เห็นกำลังของเราก่อน จึงทำลายหิริโอตตัปปะเพราะความดีใจยิ่งนัก เบื้องต้น ได้เหยียดปีกออกเริ่มจะรำแพนในท่ามกลางหมู่ใหญ่ ได้เป็นผู้รำแพนอย่างเต็มที่ ไม่มีเงื่อนงำปิดบังไว้เลย พระยาสุวรรณหงส์ละอายกล่าวว่า “นกยูงนี้ไม่มีหิริอันมีสมุฏฐานตั้งขึ้นภายในเลย โอตตัปปะอันมีสมุฏฐานตั้งขึ้นในภายนอกจะมีได้อย่างไร เราจักไม่ให้ธิดาของเราแก่นกยูงนั้นผู้ทำลายหิริโอตตัปปะ”
พญาหงส์จึงกล่าวว่า “เราจะไม่ให้ธิดาของเราแก่ท่านผู้ไม่มีความละอายเช่นนี้ เพราะท่านทำลายหิริโอตตัปปะแล้วรำแพนนั่นแหละ” แล้วได้ให้ธิดาแก่ลูกหงส์ผู้เป็นหลานของตน ในท่ามกลางบริษัทนั้นนั่นเอง.
นกยูงไม่ได้ธิดาหงส์ก็ละอายจึงบินหนีไป ฝ่ายพระยาหงส์ก็ไปยังที่อยู่ของตนนั่นแล.
พระศาสดาตรัสว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้ทำลายหิริโอตตัปปะ แล้วเสื่อมจากศาสนาคือรัตนะ ในบัดนี้เท่านั้น หามิได้ แม้ในกาลก่อนก็เป็น ผู้เสื่อมแล้วแม้จากรัตนะคือหญิงเหมือนกัน”
พระองค์ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประชุมชาดกว่า
นกยูงในครั้งนั้น ได้เป็น ภิกขุผู้มีภัณฑะมาก
ส่วนพระยาหงส์ในครั้งนั้นได้เป็นเราตถาคตแล.