Thai Chinese (Traditional) English French Italian Portuguese Russian
พระพุทธศักดิ์สิทธิ์ วัดโพรงจระเข้
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
สืบทอดพระพุทธศาสนา
นำทางสู่การพ้นทุกข์

 

ขุททกนิกายภาค ๑

เอกนิบาต

๖. อาสิงสวรรค

ปุณณปาติชาดก

การกล่าวถ้อยคำไม่จริง

พระบรมศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหา วิหาร ทรงปรารภเหล้าเจือยาพิษ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีดังนี้.

สมัยหนึ่ง พวกนักเลงสุราในเมืองสาวัตถี ชุมนุมปรึกษากันว่า ทุนค่าซื้อสุราของพวกเราหมดแล้ว จักหาที่ไหนได้เล่า ขณะนั้น นักเลงกักขฬะคนหนึ่งกล่าวว่า ยังมีอุบายอยู่อย่างหนึ่ง พวกนักเลงพากันถามว่า อุบายอย่างไร นักเลงกักขฬะบอกว่า ท่านอนาถบิณฑิกะใส่แหวนหลายวง นุ่งผ้าเนื้อเกลี้ยงไปเฝ้าในหลวง พวกเราเอายาเบื่อใส่ในไหสุรา พากันนั่งเตรียมการดื่ม เวลาท่านอนาถบิณฑิกะมาก็เชิญท่านว่า เชิญทางนี้ครับ ท่านมหาเศรษฐี แล้วให้ท่านดื่ม เมื่อสลบแล้ว ก็ริบแหวนกับผ้านุ่ง ทำทุนซื้อเหล้ากินได้ นักเลงเหล่านั้นรับรองว่า ดีจริง ๆ ชวนกันทำอย่างนั้น

เวลาท่านเศรษฐีเดินมา ก็เดินสวนทางไป พลางกล่าวว่า นายขอรับ เชิญมาทางนี้ก่อนเถิดครับ สุราในวงของพวกข้าพเจ้า น่าชื่นใจยิ่งนัก เชิญดื่มสักหน่อย ค่อยไปเถิดครับ ท่านอนาถบิณฑิกะ เป็นโสดาบันอริยสาวก จักดื่มสุราได้อย่างไร แม้ถึงท่านจะไม่ต้องการ ก็คิดจักจับไหวพริบพวกนักเลงเหล่านั้น จึงเดินไปถึงที่ซึ่งจัดเป็นที่ดื่ม ชำเลืองดูกิริยาของพวกนั้น ก็ทราบว่าพวกนี้ปรุงสุรานี้ไว้ด้วยเหตุต้องการจะประทุษร้ายตน แล้วดำริต่อไปว่า ตั้งแต่บัดนี้ไป ต้องไล่พวกนี้ให้หนีไปจากที่นี้ ดังนี้ แล้วพูดว่า แน่ะเฮ้ย เจ้าพวกนักเลงสุราชั่วร้าย พวกเจ้าเอายาเบื่อใส่ในไหเหล้า แล้วคบคิดกันให้คนที่มาพากันดื่มสลบไสล แล้วก็ปล้นเขาเสียดังนี้ จัดตั้งวงดื่มนั่งรอ คุยอวดแต่สุรานี้อย่างเดียว แต่พวกเจ้าแม้สักคนเดียวก็ไม่กล้ายกเหล้านี้ขึ้นดื่ม ถ้าเหล้านี้ไม่ผสมยาเบื่อแล้วไซร้ พวกเจ้าต้องดื่มกันบ้างเป็นแน่ ท่านเศรษฐีขู่นักเลงเหล่านั้นให้หนีไปจากที่นั้น แล้วก็ไปบ้านของตน ได้คิดว่า จักต้องกราบทูลเหตุที่พวกนักเลงกระทำ ให้พระตถาคตทรงทราบ จึงไปสู่พระเชตวันมหาวิหาร กราบทูลพระศาสดาให้ทรงทราบ พระศาสดาตรัสว่า ดูก่อน คฤหบดี มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่พวกนักเลงเหล่านั้นประสงค์จะหลอกลวงเธอ ถึงในครั้งก่อน ก็ได้มีประสงค์จะหลอกลวงบัณฑิตทั้งหลายมาแล้ว ท่านเศรษฐีกราบทูลอาราธนา จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพาราณสีเศรษฐี ในครั้งนั้น พวกนักเลงเหล่านั้นก็ปรึกษากันอย่างนี้แหละ ปรุงสุราไว้ เวลาท่านพาราณสีเศรษฐีเดินมา ก็เดินสวนทางแล้วชวนพูดในทำนองเดียวกันทีเดียว ท่านเศรษฐีแม้ไม่มีความประสงค์จะดื่ม ก็อยากจะจับเล่ห์เหลี่ยมพวกนั้น จึงไป

ครั้นดูกิริยาของพวกนักเลงเหล่านั้นแล้ว ก็คิดว่า พวกนักเลงเหล่านี้ มุ่งจะทำสิ่งนี้ เราต้องไล่มันไปจากที่นี่ แล้วกล่าวอย่างนี้ว่า พ่อนักเลงผู้เจริญทั้งหลาย ธรรมดาการที่จะดื่มสุราแล้วเข้าเฝ้าในหลวงไม่ควรเลย เราไปเฝ้าในหลวงแล้วจะมาใหม่ พวกท่านจงนั่งรออยู่ในที่นี้แหละ ครั้นไปเฝ้าในหลวงแล้วก็กลับมา พวกนักเลงทั้งหลาย พากันกล่าวว่า เชิญทางนี้เถิดครับท่าน เศรษฐีไปที่นั้นแล้ว มองดูไหเหล้าที่ผสมยา แล้วพูดว่า พ่อนักเลงผู้เจริญทั้งหลาย การกระทำของพวกเจ้าไม่ถูกใจเราเลย ไหเหล้าของพวกเจ้ายังเต็มอยู่ตามเดิม พวกเจ้าคุยอวดสุราอย่างเดียว แต่ไม่ดื่มกันเลย ถ้าเหล้านี้ชื่นใจจริง ๆ พวกเจ้าก็ต้องดื่มกันบ้าง เหล้านี้พวกเจ้าต้องผสมยาพิษลงไปเป็นแน่ท่านเศรษฐี ข่มขู่พวกนักเลง คุกคามไม่ให้คนเหล่านั้น ทำอย่างนี้อีก แล้วปล่อยไป กระทำบุญมีให้ทานเป็นต้น ตลอด ชีวิต แล้วก็ไปตามยถากรรม.

พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสประชุมชาดกว่า

พวกนักเลงในครั้งนั้น ได้มาเป็นพวกนักเลงในครั้งนี้

ส่วนพาราณสีเศรษฐี ได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.

จบ ปุณณปาติชาดก

 

 

อรรถกถาชาดกพระเจ้า 547 พระชาติ

เชิญร่วมบุญ