พระพุทธศักดิ์สิทธิ์ วัดโพรงจระเข้
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
สืบทอดพระพุทธศาสนา
นำทางสู่การพ้นทุกข์

ขุททกนิกายภาค ๑

เอกนิบาต

๒. สีลวรรค

ขราทิยชาดก

ว่าด้วยผู้ล่วงเลยโอวาท

พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ที่พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภภิกษุว่ายากรูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.

ได้ยินว่า ภิกษุนั้นว่ายากไม่รับโอวาท ลำดับนั้น พระศาสดาได้ตรัสถามภิกษุนั้นว่า

“ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่า เธอว่ายากไม่รับโอวาทจริงหรือ ?” 

ภิกษุ นั้นกราบทูลว่า “ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า จริง พระเจ้าข้า”

พระศาสดาตรัสว่า “แม้ในกาลก่อนเธอก็ไม่รับโอวาทของบัณฑิตทั้งหลาย เพราะความเป็นผู้ว่ายาก จึงติดบ่วงถึงความสิ้นชีวิต” แล้วทรงนำอดีตนิทานมาว่า

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์เป็นมฤคแวดล้อมด้วยหมู่เนื้ออยู่ในป่า ลำดับนั้น เนื้อผู้เป็นน้องสาวมฤคนั้นแสดงบุตรน้อยแล้วให้รับเอาด้วยคำพูดว่า

“ข้าแต่พี่ชาย นี้เป็นหลานของพี่ พี่จงให้เรียนมายาเนื้ออย่างหนึ่ง”

มฤคนั้นกล่าวกะหลานนั้น ว่า “ในเวลาชื่อโน้น เจ้าจงมาเรียนเอา”

เนื้อผู้หลานไม่มาตามเวลาที่พูดไว้ เมื่อล่วงไป ๗ วันเหมือนดังวันเดียว เนื้อผู้เป็นหลานนั้นไม่ได้เรียนมายาของเนื้อ ท่องเที่ยวไป จึงติดบ่วง ฝ่ายมารดาของเนื้อนั้นเข้าไปหามฤคผู้พี่ชายแล้วถามว่า

“ข้าแต่พี่ พี่ให้หลานเรียนมายาของเนื้อแล้วหรือ ?” 

พระโพธิสัตว์กล่าวว่า “เจ้าอย่าคิดเสียใจต่อบุตรผู้ไม่รับโอวาทสั่งสอนนั้น บุตรของเจ้าไม่เรียนเอามายาของเนื้อเอง เป็นผู้ไม่มีความประสงค์จะโอวาทเนื้อนั้นเลย” ในบัดนี้ จึง กล่าวว่า

“ดูก่อนนางเนื้อขราทิยา ฉันไม่สามารถจะสั่งสอนเนื้อตัวนั้น ผู้มี ๘ กีบ มีเขาคดแต่โคนเขาจนถึงปลายเขา ผู้ล่วงเลยโอวาทเสียตั้ง ๗ วันได้.”

ครั้งนั้น นายพรานฆ่าเนื้อที่ว่ายากตัวนั้นซึ่งติดบ่วง ถือเอาแต่เนื้อ แล้วหลีกไป.

ฝ่ายพระศาสดาตรัสว่า “ดูก่อนภิกษุ เธอเป็นผู้ว่ายากแต่ในบัดนี้เท่านั้น ก็หามิได้ แม้ในกาลก่อนก็เป็นผู้ว่ายากเหมือนกัน” แล้วทรงประชุมชาดกว่า

เนื้อผู้เป็นหลานในกาลนั้น ได้เป็นภิกษุผู้ว่ายากในบัดนี้

แม่เนื้อผู้เป็นน้องสาวในกาลนั้น ได้เป็น พระอุบลวรรณา ในบัดนี้

             ส่วนเนื้อผู้ให้โอวาทในกาลนั้น ได้เป็น เราตถาคตแล.

 

อรรถกถาชาดกพระเจ้า 547 พระชาติ

เชิญร่วมบุญ