ขุททกนิกายภาค ๑
เอกนิบาต
๑๑. ปโรสตวรรค
ปัณณิกชาดก
ว่าด้วยที่พึงให้โทษ
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภอุบาสกพ่อค้าผักผู้หนึ่ง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.
ได้ยินว่า อุบาสกชาวเมืองสาวัตถีนั้น ขายผักต่าง ๆ เลี้ยงชีวิต เขามีธิดาคนหนึ่ง รูปร่างงดงาม แจ่มใส สมบูรณ์ด้วยมรรยาท และความประพฤติ ประกอบด้วยหิริโอตตัปปะ เสียอย่างเดียวที่ ชอบหัวเราะหน้ารื่นอยู่เสมอ เมื่อสกุลที่คู่ควรพากันมาสู่ขอนาง เขาคิดว่า การสู่ขอรายนี้กำลังดำเนินไป ลูกสาวเราคนนี้ก็เอาแต่หัวเราะหน้ารื่นอยู่เป็นประจำ ก็เมื่อนางกุมารียังไม่มีสมบัติลูกผู้หญิง ไปสู่ตระกูลผัวย่อมเป็นที่ครหาถึงมารดาบิดาได้ เราต้องทดลองลูกเราดูว่า มีกุมาริกาธรรมหรือยังไม่มี
วันหนึ่ง เขาให้ธิดาถือกระเช้าไปป่าเพื่อเก็บผักในป่า แล้วทำเป็นถูกกิเลสรัดรึงด้วยมุ่งจะทดลอง พลางกล่าวถ้อยคำเล้าโลม แล้วจับมือนางไว้ พอนางถูกจับมือเท่านั้น ก็ร้องไห้คร่ำครวญกล่าวว่า พ่อจ๋าเรื่องนี้ไม่สมควรเลย เป็นเช่นกับความปรากฏขึ้นแห่งไฟ จากน้ำ พ่ออย่าทำอย่างนี้เลย
เขากล่าวว่า ลูกรัก พ่อจับมือเจ้า เพื่อจะลองดู จงบอกพ่อซิลูกว่า เดี๋ยวนี้เจ้ามีกุมาริกาธรรมแล้ว
นางตอบว่า มีจ้ะพ่อ เพราะฉันไม่เคยมองดูผู้ชายคนไหน ด้วยคิดอยากจะได้เลย
เขาปลอบธิดาแล้วทำการมงคล ส่งตัวไปสู่ตระกูลผัว แล้วคิดว่า เราจักถวายบังคมพระศาสดา จึงถือของหอม และดอกไม้เป็นต้น ไปพระเชตวันมหาวิหาร ถวายบังคมพระศาสดา บูชาด้วยเครื่องบูชาทั้งหลายนั้นแล้วนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง เมื่อมีพระพุทธดำรัสว่า นานอยู่นะที่ท่านมา จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระศาสดาตรัสว่า อุบาสก กุมาริกาถึงพร้อมด้วยมรรยาทและ ศีลมานานแล้วเทียว อนึ่งท่านมิใช่เพิ่งจะทดลองนางอย่างนี้ใน บัดนี้เท่านั้น แม้ในครั้งก่อนก็เคยทดลองมาแล้วเหมือนกัน ครั้นเมื่อเขากราบทูลอาราธนา จึงทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :
ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นรุกขเทวดาในป่า เรื่องราวมีว่า ครั้งนั้นในพระนครพาราณสี มีพ่อค้าผักคนหนึ่ง ดังนี้ต่อนี้ไป เช่นเดียวกันกับเรื่องปัจจุบันนั่นแหละ ผิดกันแต่ตอนที่นางพอถูกเขาจับมือเพื่อลองใจ ก็ร่ำไห้กล่าวคาถานี้ว่า
"ยามเมื่อฉันมีทุกข์ ท่านผู้ใดเล่าเป็นที่พึ่ง
ท่านผู้นั้นคือบิดาของฉัน กำลังประทุษร้ายฉันในป่า
ฉันจะร่ำร้องหาใครในกลางป่า
ท่านผู้จะช่วยได้กลับทำกรรมอันสาหัสเสียเอง"ดังนี้.
ครั้งนั้นผู้เป็นบิดา จึงปลอบนาง แล้วถามว่า แม่คุณ เจ้ารักษาตนได้แล้วหรือ ? นางตอบว่าจ้ะพ่อ ฉันรักษาตนเองได้ เขาก็พานางมาเรือน ประดับตกแต่ง ทำการมงคลแล้วส่งไปสู่สกุลผัว.
พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจะ เวลาจบสัจจะ อุบาสกดำรงอยู่ในโสดาปัตติผลแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
บิดาในครั้งนั้นได้มาเป็นบิดาในครั้งนี้
ธิดาก็คงมาเป็นธิดา
ส่วนรุกขเทวดาผู้เห็นเหตุการณ์นั้นโดยประจักษ์ ได้มาเป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ ปัณณิกชาดก